One Day Trip ตำนาน 100 ปี ของดีเมืองชลบุรี

วันนี้เราจะมาพาเที่ยวสุดฟิน ทั้งชิม และช้อปกับของดีชลบุรีกันจ้า ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดหมายสุดฮิตที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่สำคัญๆอยู่หลายจุด และยังเป็นแหล่งรวม อาหารทะเลสดๆ รวมไปถึงของดีอย่างเครื่องจักสาน ผ้าทอโบราณ ที่สืบถอดกันมากว่า 100 ปี ที่จริงยังมีสถานที่น่าสนใจอีกมากมาย แต่เที่ยววันเดียวคงไปได้ไม่ครบ วันนี้เลยคัดสถานที่เด็ดๆมาฝากกันค่ะ จะมีที่ไหนบ้างตามมาเลยค่ะ

เริ่มต้นทริปกันที่แรก ที่ศูนย์ส่งเสริมฝีมือจักสานด้วยไม้ไผ่ ที่เปิดมานานกว่า 43 ปี ซึ่งทางคุณคมกฤช บริบูรณ์ (ลูกชายคุณปราณี เจ้าของศูนย์ส่งเสริมฯ) ได้เล่าว่า เนื่องจากชุมชนนี้แต่เดิมเป็นศูนย์รวมทั้งคนไทย ลาว และจีน อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3

คุณคมกฤช บริบูรณ์ (ลูกชายคุณปราณี เจ้าของศูนย์ส่งเสริมฯ)

และสมัยก่อนที่พนัสนิคมถือว่าเป็นเมืองป่า มีภูเขา มีไม้ไผ่เยอะ  ชาวบ้านที่นี่มีอาชีพ ทำไร่ ทำนากัน จึงนำพวกไม้ไผ่ชนิดต่างๆที่มี มาทำเครื่องจักสาน พวกกระบุง ตะกร้า เข่ง กระด้ง สุ่มไก่ ลอบ ไซ ฯลฯ ไว้ใช้งาน ถ้าเหลือก็นำออกมาขาย ทำให้ตลาดจักสานมีมานานแล้ว

โดยศูนย์นี้เกิดขึ้นจาก โครงการของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ต้องการจะอนุรักษ์ “งานละเอียด” คุณแม่(คุณปราณี บริบูรณ์)จึงรับมาสานต่อ โดยการมามุ่งเน้นสอนคนในชุมชน เพื่อให้ยังมีคนสานต่อ และยังทำให้คนในชุมชนได้มีอาชีพเสริม หลังจาก ทำไร่ ทำนา อีกด้วย โดยหลังๆมานี้ หันมานิยมใช้ไม้ไผ่ “นวล”มากขึ้น เนื่องจากมีผิวที่ละเอียด ปล้องยาว สามารถนำมาทำเส้น “ตอก” ได้เล็ก เหมาะที่จะนำมาทำงานละเอียด

ไม่พอ..ยังพาไปชมขั้นตอนการทำต่างๆ ที่กว่าจะได้มาเป็นกระเป๋าสวยๆสักใบนี่ ต้องผ่านขั้นตอนอะไรมาบ้าง

1.การนำไม้ไผ่นวลมาขูดผิว หรือลอกผิวชั้นนอกออกก่อน
2. นำไปตัดข้อ ก่อนนำมาต้ม 2 ชั่วโมง
3.นำไปตากแดด 7 วัน จนผิวนวล
4.แล้วนำไปลอกไม้ และทำเป็นเส้น “ตอก”
5.เมื่อได้เส้นตอกแล้วนำไปขึ้นสี ด้วยการต้ม (จะใช้สีย้อมผ้า)
6.แล้วจึงนำไปขึ้นทรงกระเป๋า ต่างๆ

คุณป้าใจดีสอนวิธีทำให้ด้วย งานนี้บอกเลย งงมากจ้าา…นับเส้นไม่ถูกเลย 

กระเป๋าจักสานสวยๆ ฝีมือพวกคุณป้า แต่ละใบสวยงามมาก

“ตลาดท่าเทียบเรือประมงอ่างศิลา”

ดูเพลินๆจนลืมเวลา ท้องเริ่มประท้วงอยากทานอาหารทะเลสดๆ เลยเดินทางกันไปต่อที่ “ตลาดท่าเทียบเรือประมงอ่างศิลา” ซึ่งที่นี่ถือว่าเป็นตลาดปลาแห่งแรกของประเทศไทยที่ตั้งอยู่กลางทะเล นอกจากจะเป็นตลาดแล้ว ยังถือว่าเป็นแลนด์มาร์คอีกด้วย มีจุดชมวิว ถ่ายรูปที่สวยมากๆ

พวกแม่ค้า พ่อค้า น่ารักกันสุดๆ ใจดีชวนให้ลองทาน ลองชิม กันไม่หยุด เรื่องความสดคงไม่ต้องพูดถึง แถมราคาก็กำลังดี ไม่แพง ใครที่ชอบพวกซาชิมิ ที่นี่เค้าก็มี หอย หมึก กุ้ง ปู สามารถบอกเค้านึ่งให้ได้เลย ถ้าเดินช้อปจนเหนื่อย เค้ามีจุดนั่งพักไว้ให้ด้วยนะ สบายสุดๆ

ของทะเลสดๆเยอะมาก ราคาไม่แพง มีบริการนึ่งให้ด้วยย

อิ่มกันแล้วก็เดินทางกันต่อ โดยเราตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปชม “ผ้าทอคุณย่าท่าน” ที่บ้านปึก-อ่างศิลา เป็นที่สุดท้าย ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นตำนานของดีเมืองชลอีกอย่างเลยก็ว่าได้ “ผ้าทอคุณย่าท่าน” เป็นผ้าทอแบบโบราณของบ้านปึก ซึ่งต้องย้อนกลับไปเมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว
ผ้าทอนี้เป็นพระราชดำริ ของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.5 ทรงต้องการให้ชาวบ้านปึกได้มีอาชีพ จึงทรงให้มีสอนการทำผ้าทอมือให้แก่ชาวบ้านปึก จนกลายมาเป็นสินค้าขึ้นชื่อในสมัยนั้น และกลายเป็นสินค้าชื่อดังของจังหวัดชลบุรี

วิธีการทำก็จะเริ่มจาก
1.การกรอด้าย เป็นการกรอด้ายพุ่งและกรอด้ายยืน เพื่อเตรียมเส้นด้าย
2.นำด้ายที่กรอแล้วไป “ค้นลาย” 
3. แล้วนำไป “สืบ” เป็นการนำเอาเส้นด้ายจากลูกด้าย มาวางเรียงอย่างเป็นระเบียบและมีจำนวนตามต้องการก่อนม้วนเก็บลงบีม เป็นการเตรียมด้ายยืนสำหรับทอผ้า
4. “การทอ” การนำเส้นด้ายมาสานกัน โดยใช้เครื่องทอผ้าแบบไร้กระสวย หรือแบบกระสวย

ถ้าใครสนใจอยากจะช้อป สามารถทักไปได้เลยทางเพจ Facebook: ผ้าทอคุณย่าท่าน บ้านปึกชลบุรี

กว่าจะได้ผ้าสวยๆสักผืนนี่ต้องใช้ความละเอียดสุดๆ ขอบอกเลยว่าลวดลายของผ้าที่นี่ไม่เหมือนใคร มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของลายผ้า ที่กำหนดให้เป็นเส้นขนานขนาดเล็ก เรียกว่า “ไส้ปลาไหล-นกกะทา” มีที่เดียวในประเทศไทย ที่มาจากชาวบ้านปึก-อ่างศิลานั่นเอง

อ้อ…ที่จริงที่นี่เค้าได้เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยว แบบ Ond Day Trip ได้ด้วยนะ แค่คนละ 850 บาท เท่านั้น ทางศูนย์ก็จะพาทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งชมศูนย์เล่าประวัติความเป็นมา พาไปชมโบสถ์เก่า 200 ปี ไปชมบ้านทอผ้าโบราณ ไปชิมและไปดูการแกะหอยนางรมย์ที่บ้านหอยนางรมย์  และไปดู “แป้งท้าวยายม่อม” ซึ่งเป็นแป้งประจำถิ่นของชุมชน ก่อนจะจบทริปด้วยการพาไปทานอาหารถิ่น สุดยอดมาก! (แต่ตอนนี้ยังไม่เปิดให้เข้าชม เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19) ช่างน่าเสียดาย ไม่งั้นคงมีภาพสวยๆมาให้ชมกัน